ดูแลลูกในท้องอย่างไร?

การพัฒนาการของสมองของมนุษย์จะพัฒนาอย่างดีในช่วง 6 สัปดาห์แรก ของการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรต้องหาอาหารที่บำรุงสมองมารับประทานอย่างเช่น DHA สารอาหารประเภทกรดโฟลิก (Folic Acid) วิตามินเอ สำคัญต่อระบบประสาท ปอด หัวใจ ตา ระบบสืบพันธ์ กระดูก เป็นต้น

ดูแลตัวเองหลังคลอดอย่างไร?

หลังจากคลอดบุตรแล้วคุณแม่ควรใส่ใจในเรื่องการเคลื่อนไหวของร่างกายให้มาก ควรลุกและเดินบ้าง ไม่ควรนอนอยู่กับที่ เพราะจะช่วยทำให้แผลฝีเย็บสมานกันได้เร็วขึ้น ควรระวังอาการหน้ามืดและไม่ควรยกของหนัก

น้ำนมน้อย คุณแม่ควรทำอย่างไรดี?

เริ่มให้ลูกดูดนมกระตุ้นให้ร่างกายคุณแม่สร้างน้ำนมช้าไป ซึ่งหลังจากคลอดแล้ว ให้ลูกดูดนมผิดวิธี ลูกอมไม่ถึงลานนม การให้ลูกดูดถึงลานนมช่วยทำให้ลูกท้องไม่อืด และช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมของแม่ด้วย

ทำอย่างไร?เมื่อลูกเป็นไข้

ปัญหาที่ทำให้คุณแม่ทุกคนหนักใจก็คือการเจ็บไข้ ได้ป่วยของลูกน้อย ซึ่งถ้าป่วยเอง เจ็บเองได้ คุณแม่ก็คงเลือกเอามาเป็นเองอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงคงไม่ใช่ ดังนั้นเราต้องมาหาทางดูแล และหาวิธีปฏิบัติเมื่อลูกเป็นไข้ ขึ้นมาจะกินอะไร และไม่ควรกินอะไร

ทำไม?ท้องต้องฉีดวัคซีน

วัคซีนถือได้ว่าจำเป็นมาก ถือได้ว่าเป็นชุดเกราะป้องกันลูกน้อยจากโรคต่างๆ คุณแม่จึงควรใส่ใจ และต้องรู้ว่าต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้าง แล้วฉีดครบหรือยัง

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ดูแลลูกในท้องอย่างไร?

ดูแลลูกในครรภ์อย่างไร? ใน 9 เดือน
การพัฒนาการของสมองของมนุษย์จะพัฒนาอย่างดีในช่วง 6 สัปดาห์แรก ของการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรต้องหาอาหารที่บำรุงสมองมารับประทานอย่างเช่น DHA สารอาหารประเภทกรดโฟลิก (Folic Acid) วิตามินเอ สำคัญต่อระบบประสาท ปอด หัวใจ ตา ระบบสืบพันธ์ กระดูก เป็นต้น

อายุครรภ์ 2 เดือน คุณแม่ควรระมัดระวังในการดำเนินชีวิต แม้ว่าจะเหมือนไม่ใช่คนท้องแต่อย่าลืมว่าได้มีเทวดาตัวน้อยๆอยู่ในท้อง การเดินให้ระมัดระวัง ไม่ควรวิ่ง อาหารที่คุณแม่ควรรับประทานคือผักและผลไม้ต่างๆ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน โปรตีนจากปลาและไข่
อายุครรภ์ 3 เดือน ลูกในครรภ์มีอวัยวะครบ เป็นทารกเต็มตัว เริ่มมีประสาทรับรู้รสชาติ ฉะนั้นอาหารที่คุณแม่เลือกรับประทานจะเป็นตัวกำหนดนิสัยการกินของลูกในอนาคต ควรรับประทานอาหารประเภทผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน น้ำเต้าหู้ อาหารประเภทแคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูก
อายุครรภ์ 4 เดือน ลูกในครรภ์เริ่มมีพัฒนาการในการรับรู้และการมองเห็น ช่วงนี้คุณแม่ควรหาอาหารที่ช่วยในการบำรุงสายตา เช่น อาหารประเภทปลา ผักใบเขียว ถั่วชนิดต่างๆ
อายุครรภ์ 5 เดือน ลูกในครรภ์เริ่มได้ยินเสียงตอบสนองเสียงภายนอก คุณแม่ควรหาเพลงคลาสสิคมาเปิดให้ลูกฟัง
อายุครรภ์ 6 เดือน ลูกในครรภ์เริ่มได้ยิน รับรู้และเคลื่อนไหว ตอบสนองต่อเสียงด้านนอก ฉะนั้นเวลานี้คุณพ่อและคุณแม่ต้องหาเคล็ดลับต่างๆเพื่อมาช่วยเสริมสร้างร่างกายและพัฒนาการทักษะในด้านต่างๆ คุณแม่ควรรับประทานอาหารประเภทโปรตีนให้เพิ่มมากขึ้น บริโภคอาหารประเภทแคลเซียม และควรดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าวันละ 10 แก้ว
อายุครรภ์ 7 เดือน ลูกในครรภ์เริ่มมีการรับรู้ในเรื่องกลิ่นแล้ว รวมถึงรับรู้ในเรื่องเสียง แสง และรับรู้ถึงความเจ็บปวด
อายุครรภ์ 8 เดือน คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มี DHA และอาหารที่มีกรดโฟลิก ซึ่งพบได้ในถั่วและผักใบเขียว และอาหารประเภทแคลเซียม พบได้ในน้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต ผักต่างๆ
อายุครรภ์ 9 เดือน ระบบสมองของทารกยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ก็ควรรับประทานอาหารที่เสริมสร้างระบบสมอง
      สรุป อาหารที่คุณแม่ควรรับประทาน ได้แก่อาหารที่มี DHA, กรดโฟลิก, แคลเซียม, โปรตีน จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ของคุณแม่ คุณแม่ควรทำสมาธิ เพื่อหลีกเลี่ยงความเคลียด เพราะความเคลียดจะส่งผลต่อยังลูกน้อย อาหารที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ กาแฟ อาหารเค็มจัด อาหารประเภทหมักดอง ไส้กรอก แฮม เบค่อน เป็นต้น


เตรียมของไปคลอด!!

อะไรบ้างที่ต้องเตรียมต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว?
เตรียมของกันแต่เนิ่นๆ เตรียมตัวต้อนรับสมาชิกใหม่ ของอะไรบ้างที่ต้องเตรียมไว้ จะเป็นคุณแม่หรือคุณพ่อก็ได้ที่จะต้องจัดเตรียมเพื่อความพร้อม ถ้าไม่เตรียมตัวจัดเตรียมของก่อนแต่เนิ่นๆแล้ว ความตื่นเต้นอาจจะทำให้เราลืมกันได้


แปล ไว้ให้ลูกนอน มีหลายแบบให้เลือก
เครื่องปั้มนม ไว้ปั้มน้ำนมแม่เก็บไว้ให้ลูกกิน
หมวก ไว้ใส่ออกข้างนอกกันลม กันแดด
ถุงมือ ไว้ใส่กันเล็บข่วนบริเวณหน้า  ไม่ควรซื้อเยอะ ควรใช้เฉพาะเดือนแรก เพราะถุงมืออาจจะไปขัดขวางการพัฒนาการกำและแบมือของเด็ก
ผ้าเช็ดตัว ไม่ต้องผืนใหญ่มาก เลือกแบบนุ่มๆ ไม่เป็นขลุย
ผ้าห่อตัว , ผ้ายาง
มุ้ง ไว้ป้องกันจากยุงร้าย ที่จะมาทำร้ายลูกของเรา
ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เตรียมไว้เยอะ เลือกได้ตามสบาย มีหลายยี่ห้อ
สำลีก้อน ไว้เช็ดก้นให้ลูก และอื่นๆ
Cotton Bud สำหรับเด็ก ไว้ปั่นหูลูกหลังอาบน้ำ
แชมพู สบู่ โลชั่น ควรซื้อขวดเล็ก ขนาดเล็ก ก่อน ถ้าลูกไม่แพ้ ก็เพิ่มขนาด ถ้าลูกแพ้ ก็เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อใหม่
น้ำยาซักผ้าเด็ก น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ก น้ำยาล้างขวดนม
เบบี้ออย ไว้เทลงในน้ำเวลาอาบน้ำให้ลูก หรือทาผิว เพื่อผิวลูกจะได้ไม่แห้ง
กะละมังอาบน้ำ เลือกตามสบาย ขนาดหรือสี และราคาที่เหมาะสม
ฟองน้ำอาบน้ำลูก เลือกที่ผลิตจากธรรมชาติ ใช้เสร็จแล้วผึ่งให้แห้ง ไม่ต้องตากแดด
กรรไกรตัดเล็บหรือมีดตัดเล็บ  ไว้ตัดเล็บลูกน้อย
ขวดนม  แปลงล้างขวดนม จุกนม  หากให้ลูกกินนมแม่ ก็ไม่ควรซื้อเยอะ
มหาหิงค์  จัดว่าเป็นยาที่จำเป็น ไว้สำหรับทาท้องลูก เมื่อลูกไม่สบายท้อง  มีลมเยอะ
ปรอทวัดไข้  จำเป็นต้องมี เตรียมไว้ได้เลย

คุณแม่ต้องเตรียมอะไรบ้างไว้หลังคลอด?
ชุดนอน เพราะอาการเจ็บแผล จะทำให้ใส่กางเกงลำบาก
เสื้อแบบมีกระดุม  เพราะจะเปิดให้นมลูกได้ง่าย
ชุดชันในให้นม  ควรซื้อตอนใกล้ๆจะคลอด ถ้าซื้อก่อนคลอดนานกลัวเต้านมจะขยายจะใส่ไม่ได้
แผ่นซับน้ำนม เพราะหลังคลอดน้ำนมจะไหลซึมตลอด
ผ้าอนามัยแบบกลางคืน เพราะจะมีน้ำคาวปลาไหลซึมตลอด
น้ำขิง  ไว้กินเพื่อกระตุ้นน้ำนม
กระติกน้ำร้อน กระบอกเก็บน้ำร้อน
ครีมทากันหัวนมแตก มีความจำเป็น ที่ขาดไม่ได้
ผ้าประคบร้อน เผื่อเต้านมคัด