ดูแลลูกในครรภ์อย่างไร? ใน 9 เดือน
การพัฒนาการของสมองของมนุษย์จะพัฒนาอย่างดีในช่วง 6 สัปดาห์แรก
ของการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรต้องหาอาหารที่บำรุงสมองมารับประทานอย่างเช่น DHA สารอาหารประเภทกรดโฟลิก (Folic Acid) วิตามินเอ สำคัญต่อระบบประสาท ปอด หัวใจ ตา ระบบสืบพันธ์ กระดูก เป็นต้น
อายุครรภ์ 3 เดือน
ลูกในครรภ์มีอวัยวะครบ เป็นทารกเต็มตัว เริ่มมีประสาทรับรู้รสชาติ
ฉะนั้นอาหารที่คุณแม่เลือกรับประทานจะเป็นตัวกำหนดนิสัยการกินของลูกในอนาคต
ควรรับประทานอาหารประเภทผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน น้ำเต้าหู้
อาหารประเภทแคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูก
อายุครรภ์ 4 เดือน
ลูกในครรภ์เริ่มมีพัฒนาการในการรับรู้และการมองเห็น
ช่วงนี้คุณแม่ควรหาอาหารที่ช่วยในการบำรุงสายตา เช่น อาหารประเภทปลา ผักใบเขียว
ถั่วชนิดต่างๆ
อายุครรภ์ 5 เดือน
ลูกในครรภ์เริ่มได้ยินเสียงตอบสนองเสียงภายนอก คุณแม่ควรหาเพลงคลาสสิคมาเปิดให้ลูกฟัง
อายุครรภ์ 6 เดือน
ลูกในครรภ์เริ่มได้ยิน รับรู้และเคลื่อนไหว ตอบสนองต่อเสียงด้านนอก
ฉะนั้นเวลานี้คุณพ่อและคุณแม่ต้องหาเคล็ดลับต่างๆเพื่อมาช่วยเสริมสร้างร่างกายและพัฒนาการทักษะในด้านต่างๆ
คุณแม่ควรรับประทานอาหารประเภทโปรตีนให้เพิ่มมากขึ้น บริโภคอาหารประเภทแคลเซียม
และควรดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าวันละ 10 แก้ว
อายุครรภ์ 7 เดือน
ลูกในครรภ์เริ่มมีการรับรู้ในเรื่องกลิ่นแล้ว รวมถึงรับรู้ในเรื่องเสียง แสง
และรับรู้ถึงความเจ็บปวด
อายุครรภ์ 8 เดือน
คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่มี DHA และอาหารที่มีกรดโฟลิก ซึ่งพบได้ในถั่วและผักใบเขียว
และอาหารประเภทแคลเซียม พบได้ในน้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต ผักต่างๆ
อายุครรภ์ 9 เดือน
ระบบสมองของทารกยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ก็ควรรับประทานอาหารที่เสริมสร้างระบบสมอง
สรุป อาหารที่คุณแม่ควรรับประทาน
ได้แก่อาหารที่มี DHA, กรดโฟลิก,
แคลเซียม, โปรตีน จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ของคุณแม่
คุณแม่ควรทำสมาธิ เพื่อหลีกเลี่ยงความเคลียด เพราะความเคลียดจะส่งผลต่อยังลูกน้อย
อาหารที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ กาแฟ อาหารเค็มจัด
อาหารประเภทหมักดอง ไส้กรอก แฮม เบค่อน เป็นต้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น